ในการเลือกรถยนต์มือสอง อาจต้องใช้การสังเกต และความรอบคอบกว่าการซื้อรถมือหนึ่งหลายเท่าตัว เพราะเป็นการเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และเราเองก็ไม่ทราบว่าเจ้าของรถมีการใช้งานมาอย่างไร
สำหรับการสังเกตตัวถัง หรือ body หากเราต้องการพิจารณาถึงความสวยงาม และสภาพรถภายนอก ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากด้วยการมองผ่านตาเปล่า แต่ที่สำคัญกว่าความสวยงามที่ทำให้คุณพึงพอใจ คงเป็นเรื่องของสภาพรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วมากกว่า หากอยากทราบว่าผ่านอะไรมาบ้าง หรือเคยถูกชนมาแล้วหรือไม่ ให้ลองสังเกตดังนี้
– เปิดฝากระโปรงหน้ามาดูคานหน้า คานรถทุกคันจะมีรู กลมบ้าง เหลี่ยมบางแล้วแต่ ถ้ารูเบี้ยว ไม่คมก็แสดงว่ามีชนมาบ้าง
– ป้ายทะเบียนรถยับมีรอยดัด ก็ให้เดาไว้ก่อนเลยว่าเคยชนมา แผ่น plate ที่แปะติดคานมา มีรอยยับหรือดัดมาก็เช่นกัน
– สันด้านข้างตะเข็บความนูนเสมอกันหรือไม่ รอยที่มาจากโรงงานกับอู่เคาะพ่นสีก็ต่างจะกัน
– สำหรับด้านหลัง ก็เปิดฝากระโปรงดูเช่นกัน ไฟท้ายทั้ง 2 ดวงเสมอเบ้าหรือไม่ รอยแยกต่อชิ้นเว้นช่องไฟเท่ากันหรือไม่ มีเบี้ยวมีเกยกันหรือไม่ คานหลังก็ใช้ลักษณะการสังเกตเหมือนคานหน้าเพียงแต่ต้องลื้อพรมปูท้ายรถออกเพื่อให้เห็นพื้น
– พื้นรถด้านหลังโดยมากจะเป็นลอนๆ ก็สังเกตดูว่าเท่ากันหรือไม่ รถบางคันโดนชนหลังมาช่างเคาะอาจทำดีมากจนดูแทบไม่ออก ต้องเช็ค มีบางคันเศษกระจกอาจหลงเหลืออยู่ให้เห็น
– ส่วนด้านข้าง ก็ดูเทียบสี จากโรงงานสีเดิม กับอู่สี สีจะเพี้ยนเล็กน้อยแต่ก็จะพอเห็นได้ ใช้วิธีเคาะด้วยมือของเราไปรอบๆ คัน รถที่ทำสีมาแล้วเสียงจะทึบๆ ชิ้นที่สีเดิมจะมีเสียงโปร่งๆ ฟังดีๆ จะรู้ถึงความแตกต่าง
– รถที่เคยหงายตะแคงมา ให้สังเกตดูที่หลังคารถ ลองเคาะดู สังเกตขอบคิ้วกระจกหน้าหลังว่าเหมือนกันหรือไม่ มีรอยแตกของสีโป๊วหรือไม่ หลังคาไม่น่ามีสีสดสวยกว่าประตูข้าง เพราะเป็นส่วนที่รับแดดมากที่สุด
รถที่มีสภาพภายนอกเหมือนใหม่ อาจจะผ่านอะไรมาอย่างโชกโชนก็ได้ เพราะของเหล่านี้อาจสร้างกันได้ ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตรวจเช็คให้มั่นใจ หากไม่ดูให้ดี เราอาจได้ของที่ข้างนอกดูดีดูสวย แต่ภายในอาจไม่เหมาะแก่การใช้งานแล้วก็เป็นได้