ฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์ มีด้วยกันหลายชนิด หลายยี่ห้อ และมีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเมื่อเสื่อมสภาพแล้ว ความสามารถในการกรองแสงก็จะลดลง ทำให้ร้อนกว่าเดิม ทั้งที่ยังคงมีสีเข้มเหมือนเดิมอยู่ก็ตาม
การติดฟิล์มจะมี % ให้เลือกได้ตามใจชอบ แต่การติดฟิล์มที่ทึบมากเกินไป การขับรถกลางคืนจะลำบาก เพราะมองเห็นได้ลำบากการติดฟิล์มกระจกหน้ารถอาจะเลือกฟิล์มใส แม้ราคาจะแพงกว่า แต่กันความร้อนได้ดี ขับรถกลางคืนก็ไม่มีปัญหา มองเห็นถนนได้ชัดเจนดี ส่วนการติดฟิล์มรอบคันก็ใช้ฟิล์มที่ราคาถูกกว่านั้นก็ได้
การเลือกฟิล์มติดรถยนต์มีความสำคัญ เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความร้อนที่สูงขึ้นทุกปี การติดฟิล์มให้กับรถจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ประโยชน์ของฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์มีด้วยกันหลายประการ ดังนี้
1. ลดความร้อนในห้องโดยสาร ทำให้ระบบทำความเย็นหรือแอร์ทำงานน้อยลง ส่งผลให้ช่วยประหยัดน้ำมัน
2. ป้องกันรังสี UV ที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
3. ปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป เช่น คอนโซลหน้า เครื่องเสียง เบาะ แผงประตู ลำโพงหลัง เป็นต้น
4. ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เจ้าของรถและผู้เดินทาง หากกระจกใสมากๆ ไม่ว่าใครทำอะไรก็คงเป็นที่จับจ้องของรถคันข้างๆ หรือผู้คนที่มองเข้ามา
5. ป้องกันไม่ให้มองเห็นสิ่งของภายในรถยนต์ ช่วยป้องกันการทุบกระจกเพื่อเอาของมีค่าได้ในระดับหนึ่ง เพราะมองไม่เห็นของมีค่าในรถยนต์
6. ช่วยกันรอยขูดขีดที่กระจก
7. การติดฟิล์มหน้ารถ กรณีเกิดอุบัติเหตุ กระจกหน้าจะไม่แตกกระจายเพราะมีฟิล์มช่วยยึดไว้
การเลือกติดฟิล์ม ควรศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน เพราะฟิล์มบางชนิดที่ไม่ได้คุณภาพ อาจปิดกันสัญญาณทำให้รับวิทยุในรถไม่ได้ หรือรับสัญญาณ GPS ไม่ได้มีปัญหากับระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติของทางด่านทางด่วน ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ ที่กั้นไม่เปิดให้รถผ่านหรือหากฟิล์มมีราคาถูก คุณภาพต่ำเกินไป อาจใช้งานได้ไม่นาน เสื่อมสภาพเร็ว และไม่สามารถป้องกันความร้อนได้อีก ทำให้ต้องสิ้นเปลืองในการติดฟิล์มใหม่อยู่เสมอ ดังนั้น จะเลือกติดฟิล์ม ควรเลือกที่ได้คุณภาพ และเหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้ใช้งานไปได้อย่างยาวนาน ช่วยป้องกันความร้อน และสร้างความสุขให้กับผู้ใช้รถได้อย่างแท้จริง