หากจะพูดว่าส่วนที่เปรียบเสมือนหัวใจในการขับเคลื่อนรถยนต์ ก็คงจะหนีไม่พ้น “เครื่องยนต์” นั่นเอง วันนี้เราเลยนำวิธีการตรวจสอบเครื่องยนต์ และห้องเครื่องยนต์ในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองมาฝากกันครับ
ห้องเครื่องยนต์
เริ่มต้นด้วยการเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น และดูตามนี้
– ดูที่คานหน้าหม้อน้ำ ทั้งด้านบนและล่าง รูน็อตยึดต่างๆ กลมเป็นปรกติหรือไม่
– ดูสภาพของสีกลมกลืนทั้งห้องเครื่องยนต์หรือไม่ ถ้าสีเหมือนกันแต่พ่นใหม่อาจจะมีการยกเครื่องออกมา เพื่อทำการซ่อมตัวถังหรือซ่อมเครื่องยนต์
– ดูตะเข็บรอยต่อเป็นปรกติ เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง
– ดูซุ้มล้อหน้าซ้าย-ขวา สังเกตสติ๊กเกอร์ NAME PLATE ว่ามีหรือไม่ สภาพเป็นปกติหรือไม่
– ดูร่องน้ำไหล ทั้งซ้ายและขวา ว่ามีรอยบุบหรือคดบ้างหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะบ่งบอกถึงการเกิดอุบัติเหตุหรือเพียงแค่ทำสีใหม่เท่านั้นควรดูให้ดี
เครื่องยนต์
– ดูคราบหรือร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง
– ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก, คลัตช์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ สีต้องเป็นปกติและสะอาด
– ระดับน้ำยาหล่อเย็น จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
– ระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ สีและกลิ่นของน้ำมัน
– ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด สีและกลิ่นต้องอยู่ในสภาพที่ดี
– สภาพของสายพานต่างๆ จะต้องไม่แตกร้าว ความตึงพอเหมาะ
– ตรวจหม้อน้ำ, ฝาปิดหม้อน้ำ จะต้องไม่รั้วและมีน้ำอยู่ในระดับที่พอเหมาะ
– สภาพของสายไฟในห้องเครื่องยนต์ จะต้องจัดเก็บเรียบร้อย
– แบตเตอร์รี่จะต้องไม่บวม ขั้วแบตเตอร์รี่สภาพดี และดูอายุของแบตเตอร์รี่, สภาพของน้ำกลั่น
– ติดเครื่องฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่ และจะติดเครื่องได้โดยง่าย
– เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วสังเกตเสียงว่าผิดปกติหรือไม่ เครื่องยนต์เดินเรียบหรือไม่
– ตรวจการรั่วของกำลังอัด ดูไอน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันขึ้นมาดูว่ามีควันหรือกลิ่นไหม้ ถ้าไม่มีถือว่าใช้ได้ และจะต้องไม่มีแรงดัน ดันออกมาทางด้านก้านวัดน้ำมันด้วย
– เดินไปท้ายรถสังเกตควันที่ออกจากท่อไอเสีย จะต้องไม่ขาวและดำ ถ้าผิดปกติแสดงว่าเครื่องยนต์ทำงานบกพร่อง อาจจะต้องมีการทำเครื่องยนต์ใหม่
ลองนำไปใช้พิจารณากันดูนะครับ เพราะเครื่องยนต์เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดในการซื้อรถมือสอง เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รถที่ดีสมกับราคาที่ต้องจ่ายไป