เมื่อซื้อรถยนต์มือสองมาแล้ว ความกังวลต่างๆ ยังคงไม่หมดไป เพราะเราอาจถูกหลอกในบางจุดได้อยู่ ดังนั้น เมื่อได้รถมาแล้ว ควรนำรถไปตรวจเช็ค และเปลี่ยนในบางจุดที่ควรเปลี่ยน เพื่อความสบายใจในการใช้งานต่อไป
1. ระบบสารหล่อลื่นทั้งหมด
ควรตรวจเช็คและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันคลัทช์ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ และน้ำมันกระปุกพวงมาลัย และหมั่นตรวจเช็คตามกำหนดเวลาในครั้งต่อไป
2. ระบบหล่อเย็น
ระบบหล่อเย็นที่ควรตรวจเช็ค และเปลี่ยนหากทำได้ มีดังนี้ น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ สภาพหม้อน้ำและรอยรั่ว ท่อยางน้ำหล่อเย็น ปั๊มน้ำ พัดลมไฟฟ้าหม้อน้ำ พัดลมฟรีปั๊ม
3. ระบบเครื่องยนต์
ระบบเครื่องยนต์ที่ควรตรวจเช็คคือ สายพานไทม์มิ่ง สายพานหน้าเครื่อง จุดรั่วซึมน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ และไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
4. ระบบเบรก
ผ้าเบรก เป็นส่วนหนึ่งหลังจากซื้อรถมากแล้ว พลาดไม่ได้ เรียกได้ว่า ไปไม่ถึง ยังดีกว่าเบรกไม่อยู่ ให้ช่างตรวจสอบความหนาของผ้า เพื่อกำหนดระยะเปลี่ยน และตรวจสอบสภาพต่างๆ เกี่ยวกับเบรกไปในตัว
สายอ่อนเบรก ส่วนมากเป็นสิ่งที่ทุกคนมักมองข้าม แต่ส่งผลถึงอาการเบรกแตกได้ง่ายๆ ถ้าเก่าให้รีบเปลี่ยนอย่างน้อยก็ยังอุ่นใจ ใช้ได้ตั้งหลายปี
5. ระบบช่วงล่าง
เป็นระบบที่ควรหาช่างตรวจเช็ค ตั้งแต่ โช้คและสปริง ลูกหมากบังคับเลี้ยว ยอยเพลากลาง ลูกปืนล้อ เป็นต้น
7. ล้อ และยาง
อายุการใช้งานของยางรถยนต์อยู่ในหลักไม่เกิน 4 ปี ก่อนที่จะเกิดอาการบวม แตกลายงา ยางที่เก่าประสิทธิภาพในการเกาะถนน การรีดน้ำ และการเบรกจะสูญเสียไปในทุกขณะ ควรตรวจเช็ดวันเดือนปีที่ผลิตของยาง ถ้ายางยังใช้งานได้ดี ให้จดบันทึก และทำการสลับล้อยางตามคู่มือรถ หรือทุกๆ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่และน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ระบบแอร์ รวมถึงวันต่อภาษี และพ.ร.บ. ซึ่งควรใส่ใจไม่แพ้ระบบอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้รถมือสองได้อย่างปลอดภัยแล้วครับ